Wy/th/ประเทศไทย

From Wikimedia Incubator
< Wy‎ | th
Wy > th > ประเทศไทย
Wy/th/ประเทศไทย
นี่คือจุดหมายปลายทางประจำเดือน
Wy/th/ประเทศไทย
ที่ตั้ง
ธง
ข้อมูลสรุป
เมืองหลวง กรุงเทพมหานคร
รัฐบาล ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ และประชาธิปไตยแบบมีรัฐสภา
สกุลเงิน บาท (THB)
พื้นที่ รวม: 513,120 ตร.กม.
พื้นดิน: 510,890 ตร.กม.
แหล่งน้ำ: 2,230 ตร.กม.
ประชากร 66,720,153 (2011)
ภาษา ภาษาไทย (ภาษาทางการ), ภาษาชนกลุ่มน้อย
ศาสนา พุทธ (ส่วนมากนิกายเถรวาท), อิสลาม (ภาคใต้)
ไฟฟ้า 220V/50Hz (ปลั๊กอเมริกาและยุโรป)
รหัสทางไกล +66
อินเทอร์เน็ตโดเมน .th
เขตเวลา UTC +7

ประเทศไทย หรือชื่อทางการว่า ราชอาณาจักรไทย เป็นรัฐชาติอันตั้งอยู่ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนคาบสมุทรอินโดจีน มีพรมแดนทางทิศตะวันออกติดกับประเทศลาวและประเทศกัมพูชา ทิศใต้ติดอ่าวไทยและประเทศมาเลเซีย ทิศตะวันตกติดทะเลอันดามันและประเทศพม่า และทิศเหนือติดกับประเทศพม่าและประเทศลาว

แหล่งท่องเที่ยวในเมืองไทยมีหลากหลาย ตั้งแต่แหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนา แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และอีกหลากหลายแหล่งท่องเที่ยว โดยในสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่กิจกรรมท่องเที่ยวมากมาย มีทั้งกิจกรรมในอากาศ บนบก ในน้ำ และใต้น้ำ นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีเทศกาลและงานประเพณีหมุนเวียนมาให้ได้ตื่นตาตื่นใจกันตลอดปี ความอลังการและสีสันของเทศกาลงานประเพณีของไทยนั้นสะท้อนภาพวิถีวัฒนธรรมของไทยที่เป็นที่ภาคภูมิใจของคนไทย

ทำความเข้าใจ[edit | edit source]

ประวัติศาสตร์[edit | edit source]

ประวัติศาสตร์ไทยมักเริ่มนับตั้งแต่ ภูมิภาคสุวรรณภูมิเคยถูกชาวมอญ เขมรและมาเลย์ปกครองมาก่อน ต่อมาคนไทยได้สถาปนาอาณาจักรของตนเอง เช่น อาณาจักรสุโขทัย ไล่เลี่ยกันกับอาณาจักรล้านนา อาณาจักรเชียงแสน และอาณาจักรอยุธยา อาณาจักรสุโขทัยเจริญรุ่งเรืองในช่วงเวลาค่อนข้างสั้นประมาณ 200 ปี ก็ถูกผนวกรวมกับอาณาจักรอยุธยา

อาณาจักรอยุธยาเป็นอาณาจักรที่รุ่งเรืองมั่งคั่ง เป็นศูนย์กลางการค้าระดับนานาชาติ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงปฏิรูปการปกครอง ซึ่งบางส่วนใช้สืบมาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และยังทรงตราพระราชกำหนดศักดินา ทำให้อยุธยาเป็นสังคมศักดินา อยุธยาเริ่มติดต่อกับชาติตะวันตกเมื่อ พ.ศ. 2054 หลังโปรตุเกสยึดครองมะละกา จากนั้นใน พ.ศ. 2112 กรุงศรีอยุธยาตกเป็นประเทศราชของราชวงศ์ตองอูแห่งพม่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงประกาศอิสรภาพในอีก 15 ปีให้หลัง อาณาจักรอยุธยาเจริญถึงขีดสุดหลังจากนั้น ทั้งความสัมพันธ์กับต่างประเทศก็รุ่งเรืองมากในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช อาณาจักรอยุธยาเริ่มเสื่อมลง จนล่มสลายลงอย่างสิ้นเชิงเมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง ใน พ.ศ. 2310

พระยาตากได้รวบรวมไพร่พลกอบกู้เอกราช และย้ายราชธานีมายังกรุงธนบุรี รัชสมัยของพระองค์ถือเป็นช่วงเวลาของการทำสงครามและการฟื้นฟูความเจริญของชาติ อาณาจักรธนบุรีมีพระมหากษัตริย์ปกครองพระองค์เดียว กินระยะเวลาเพียง 15 ปี แล้วพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 กรุงรัตนโกสินทร์ยังเผชิญกับภัยคุกคามจากประเทศเพื่อนบ้าน กระทั่งรัชกาลที่ 4 การลงนามในสนธิสัญญาเบาว์ริง ทำให้ชาติตะวันตกหลายชาติเข้ามาทำสนธิสัญญาอันไม่เป็นธรรมอีกหลายฉบับ ต่อมา แม้จะมีการยกดินแดนให้ฝรั่งเศสและอังกฤษหลายครั้ง แต่สยามไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก กุศโลบายของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทำให้ไทยเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โดยอยู่ฝ่ายสัมพันธมิตร อันทำให้สยามได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ และนำมาซึ่งการแก้ไขสนธิสัญญาอันไม่เป็นธรรมทั้งหลาย

วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 เกิดการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองมาเป็นประชาธิปไตย ทำให้คณะราษฎรเข้ามามีบทบาทในทางการเมือง ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศไทยได้ลงนามเป็นพันธมิตรทางทหารกับญี่ปุ่น แต่ในช่วงสงครามเย็น ประเทศไทยได้ดำเนินนโยบายเป็นพันธมิตรกับสหรัฐอเมริกา มีนโยบายต่อต้านการขยายตัวของคอมมิวนิสต์ในภูมิภาค หลังการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง ประเทศไทยยังถือได้ว่าอยู่ในระบอบเผด็จการในทางปฏิบัติอยู่หลายทศวรรษ ประเทศไทยประสบกับความไร้เสถียรภาพทางการเมือง และมีการสืบทอดอำนาจรัฐบาลทหารผ่านรัฐประหารหลายสิบครั้ง อย่างไรก็ดี หลังจากนั้นได้มีเหตุการณ์เรียกร้องประชาธิปไตยครั้งสำคัญในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ประชาธิปไตยในประเทศเริ่มมีความมั่นคงยิ่งขึ้น

ที่ตั้งตามภูมิศาสตร์[edit | edit source]

ประเทศไทยตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระหว่างเส้นละติจูดที่ 5 องศา 37 ลิปดาเหนือ กับ 20 องศา 27 ลิปดาเหนือ และระหว่างเส้นลองจิจูดที่ 97 องศา 22 ลิปดาตะวันออก กับ 105 องศา 37 ลิปดาตะวันออก มีพรมแดนทางทิศตะวันออกติดกับประเทศลาวและประเทศกัมพูชา ทิศใต้ติดอ่าวไทยและประเทศมาเลเซีย ทิศตะวันตกติดทะเลอันดามันและประเทศพม่า และทิศเหนือติดกับประเทศพม่าและประเทศลาว

การแบ่งภูมิภาค[edit | edit source]

ประเทศไทยแบ่งภูมิภาคออกเป็น 6 ภูมิภาค 77 จังหวัด โดยใช้เกณฑ์อย่างเป็นทางการของราชบัณฑิตยสถาน

ภาคเหนือ
เชียงราย เชียงใหม่ น่าน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน อุตรดิตถ์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
หนองคาย นครพนม สกลนคร อุดรธานี หนองบัวลำภู เลย มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น อำนาจเจริญ ยโสธร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ชัยภูมิ นครราชสีมา บึงกาฬ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี
ภาคกลาง
กรุงเทพมหานคร พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ พิจิตร กำแพงเพชร นครสวรรค์ ลพบุรี ชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง สระบุรี พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี นครนายก ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม
ภาคตะวันออก
สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด
ภาคตะวันตก
ตาก กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์
ภาคใต้
ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ พังงา ภูเก็ต พัทลุง ตรัง ปัตตานี สงขลา สตูล นราธิวาส ยะลา

ภูมิประเทศ[edit | edit source]

ประเทศไทยมีลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลาย ภาคเหนือเป็นพื้นที่ภูเขาสูงสลับซับซ้อน รวมทั้งยังปกคลุมด้วยป่าไม้อันเป็นต้นน้ำที่สำคัญของประเทศ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ของที่ราบสูงโคราช สภาพของดินค่อนข้างแห้งแล้งและไม่ค่อยเอื้อต่อการเพาะปลูก ภาคกลางเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดในประเทศ และถือได้ว่าเป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ภาคใต้เป็นส่วนหนึ่งของคาบสมุทรไทย-มาเลย์ ขนาบด้วยทะเลทั้งสองด้าน ส่วนภาคตะวันตกเป็นหุบเขาและแนวเทือกเขาซึ่งพาดตัวมาจากทางตะวันตกของภาคเหนือ

ภูมิอากาศ[edit | edit source]

ภูมิอากาศ ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย (°C) 32 33 34 35 35 35 34 33 33 33 32 31
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย (°C) 24 24 26 26 25 25 26 26 25 26 25 23

แหล่งที่มา: Climate-zone [1]. อุณหภูมิกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2548

ประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้นของโลก มีลักษณะภูมิอากาศแบบเขตร้อน อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีประมาณ 18-34 องศาเซลเซียส พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ภายใต้ลักษณะภูมิอากาศแบบสะวันนา คือ มีช่วงฤดูฝนและฤดูแล้งสลับกันชัดเจน ส่วนภาคใต้และภาคตะวันออกมีภูมิอากาศแบบป่าฝนเมืองร้อน คือ ฝนตกเกือบตลอดปี

เวลา[edit | edit source]

ประเทศไทยอยู่ในเขตเร็วกว่า UTC 7 ชั่วโมง (UTC+7) เท่ากับประเทศเพื่อนบ้านของประเทศไทย (กัมพูชา, อินโดนีเซีย, ลาว และเวียดนาม)

ผู้คน[edit | edit source]

แม่ค้าคนหนึ่งซึ่งกำลังยิ้ม โดยแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็น "The Land of Smile"

ผู้คนในประเทศไทยนั้นมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ นอกจากที่จะมีเชื้อชาติไทยแล้ว ยังมีเชื้อชาติอื่นอีก ได้แก่ ชาวไทยเชื้อสายลาว ชาวไทยเชื้อสายมอญ ชาวไทยเชื้อสายเขมร รวมไปถึงกลุ่มชาวไทยเชื้อสายจีน ชาวไทยเชื้อสายมลายู ชาวชวา (แขกแพ) ชาวจาม (แขกจาม) ชาวเวียด ชาวพม่า และชาวไทยภูเขาเผ่าต่าง ๆ เช่น ชาวกะเหรี่ยง ลีซอ ชาวม้ง ส่วย โดยแต่ละเชื้อชาติจะกระจายพันธุ์อยู่ทั่วประเทศ

คนไทยนั้นเป็นคนจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เพราะมีวัฒนธรรมประเพณีในด้านนี้ ดังนั้นคนไทยจึงยิ้มง่ายและอัธยาสัยดี คนต่างชาติจึงยกย่องให้ประเทศไทยเป็น "The Land of Smile" หรือในภาษาไทยเรียกว่า "สยามเมืองยิ้ม" นอกจากการมีจิตใจดีงานแล้ว คนไทยยังมีประเพณีในเรื่องของมารยาท ไม่ว่าจะเป็น การไหว้ การทักทาย "สวัสดีครับ/ค่ะ" การกราบ หรือการทำความเคารพ ฯลฯ ซึ่งมารยาททั้งหมดแสดงถึงความมีสัมมาคารวะ การให้เกียรติซึ่งกันและกัน และความสุภาพ อ่อนน้อม ถ่อมตน ซึ่งอันเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติไทย

คนไทยนับถือศาสนาหลายศาสนาด้ยนกัน โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ประชากรในประเทศไทยนับถือศาสนา 99.37% โดยแบ่งออกเป็นศาสนาพุทธ 93.83% ศาสนาอิสลาม 4.56% ศาสนาคริสต์ 0.80% ศาสนาฮินดู 0.086% ลัทธิขงจื๊อ 0.011% และอื่นๆ 0.079% และมีคนที่ไม่นับถือศาสนาและไม่ทราบศาสนา 0.27% และ 0.36% ตามลำดับ

ศูนย์นักท่องเที่ยว[edit | edit source]

ในประเทศไทย มีศูนย์ข้อมูลสำหรับให้บริการนักท่องเที่ยว ที่ควบคุมงานโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แต่ละแห่งมีเวลาเปิด–ปิดที่แตกต่างกัน โดยศูนย์ข้อมูลที่ตั้งอยู่ที่สำนักงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยทุกแห่งและศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวที่ถนนราชดำเนินนอก จะเปิดให้บริการทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. นอกจากนี้ยังมีศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวอยู่ทั่วประเทศในเกือบทุกจังหวัด โดยเฉพาะตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ อย่างไรก็ตาม ททท. มีบริการ TAT Call Center ให้สอบถามข้อมูลและข่าวสารด้านการท่องเที่ยวจากศูนย์บริการข่าวสารการท่องเที่ยวโดยตรง ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1672 เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 08.00-20.00 น. โดยสามารถเลือกใช้บริการได้ 3 รูปแบบ คือ รับข้อมูลท่องเที่ยวทางโทรสาร รับฟังข้อมูลจากระบบอัตโนมัติ และบริการตอบข้อมูลทางโทรศัพท์โดยพนักงาน Call Center นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลท่องเที่ยวได้จากตำรวจท่องเที่ยว ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1155 บริการตลอด 24 ชั่วโมง

การเดินทาง[edit | edit source]

ระยะเวลาการพำนักในประเทศไทย

การที่นักท่องเที่ยวท่องเที่ยวในประเทศไทยนั้น ด่านตรวจคนในประเทศไทย ได้จำแนกประเทศในการพำนักพักพิงที่ประเทศไทย โดยนักท่องเที่ยวที่ถือหนังสือเดินทางของประเทศแถบตะวันตก และในทวีปเอเชียหลายประเทศ ไม่ต้องทำววีซ่าในการเขามา โดยประเทศกลุ่มนี้อยู่ได้ 15 - 30 วันเท่านั้น ส่วนประเทศที่มีความเสี่ยงต่อโรคไข้เหลือง จะพำนักพักพิงในประเทศไทยได้ต่อเมื่อยื่นใบสำคัญรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เหลืองมาพร้อมกับหนังสือเดินทาง

คุณสามารถมาท่องเที่ยวประเทศไทย เดินทางมายังประเทศไทย ทั้งที่ต้องการมาทำธุรกิจ ท่องเที่ยว รวมทั้งแวะพักและท่องเที่ยวก่อนเดินทางต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ด้วย ในช่วงวันหยุดเทศกาล ถนนหนทางและเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ล้วนคึกคักคลาคล่ำไปด้วยนักเดินทาง และเพราะประเทศไทยมีระบบสาธารณูปโภคและการบริการสาธารณะที่ได้มาตรฐาน การคมนาคมขนส่งในประเทศไทยมีมากมายหลายรูปแบบ ทั้งทางบก (รถยนต์ รถทัวร์ รถเมล์ รถจักรยานยนต์ รถจักรยาน รถตุ๊กตุ๊ก รถไฟ รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน) ทางน้ำ (เรือ) และทางอากาศ (เครื่องบิน) การท่องเที่ยวภายในประเทศจึงทำได้ง่ายและสะดวกสบาย คุณก็สามารถเข้าถึงและเลือกใช้บริการตามต้องการได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพ

การเดินทางมา[edit | edit source]

การเดินทางมาที่ประเทศไทยผู้ที่ถือหนังสือเดินทางของประเทศแถบตะวันตก และในทวีปเอเชียหลายประเทศ เช่น แคนาดา สหภาพยุโรป รัสเซีย สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ฮ่องกง ญี่ปุ่น และ เกือบๆทุกประเทศในกลุ่มประเทศอาเซียน ไม่ต้องใช้วีซ่าในการเข้ามาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยทางอากาศจะได้รับอนุญาตให้อยู่ในประเทศได้นาน 15 หรือ 30 วัน ขึ้นอยู่กับสัญชาติ การตรวจลงตรา ให้วีซ่าที่หน้าด่านตรวจคนเข้าเมือง มีให้บริการกับผู้ที่มาจากจีน และ อินเดีย

เครื่องบิน[edit | edit source]

ที่นั่งชั้นหนึ่งของการบินไทยบนเครื่องบินโบอิ้ง 747-400 ของสายการบินไทย

ประเทศไทยมีสายการบินจากทั่วโลกแวะลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองและท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิเป็นจำนวนมาก โดยคุณสามารถมาที่ประเทศไทยได้โดยสายการบินประจำชาติไทย คือ การบินไทย และ บางกอก แอร์เวย์ ซึ่งได้รับอนุญาตให้ดำเนินการบินทั้งจากประเทศไทย หรือจะบินจากต่างประเทศเข้ามาประเทศไทยดำเนินการโดย ไฮ ฟลายอิ้ง กรุ๊ป นอกจากนี้สายการบินต้นทุนต่ำก็มีให้บริการอยู่มากมาย

รถยนต์[edit | edit source]

การเปลี่ยนจากการขับรถทางซ้ายเป็นทางขวาของสะพานมิตรภาพ 2 สะพานที่เชื่อมต่อจังหวัดมุกดาหารของประเทศไทยเข้ากับแขวงสุวรรณเขดในประเทศลาว

ประเทศไทยมีถนนเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านของประเทศไทย ซึ่งคุณสามารถมาตามถนนได้ที่ ประเทศกัมพูชา มีไฮเวย์ที่ตั้งต้นจาก เสียมเรียบ และ นครวัด ผ่านปอยเปต เข้ามาสู่ อ.อรัญประเทศของประเทศไทย โดยสามารถเดินทางถึงกันได้ภายใน 3 ชั่วโมง และประเทศลาว มีสะพานสะพานมิตรภาพที่เชื่อมต่อระหว่างประเทศไทย ซึ่งเป็นเขตชายแดนที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุด สะพานนี้เป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขง นอกจากนี้ การเดินทางข้ามแม่น้ำโขงยังสามารถข้ามได้ที่ เชียงของ, นครพนม, ท่าแขก, มุกดาหาร, ห้วยทราย และ สุวรรณเขต มีการเดินรถประจำทางจาก เวียงจันทร์ มาที่ จังหวัดอุดรธานี ด้วย โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังสามารถขับรถเข้ามาประเทศไทยได้จากประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยผ่านมาทาง ปาดังเบซาร์, อำเภอสะเดา, เบตง และ สุไหงโกลก ซึ่งมีรถประจำทางวิ่งประจำอีกด้วย จากประเทศพม่า จะเข้ามาประเทศไทยได้ 4 เส้นทาง ที่อ.แม่สาย สามารถเดินทางไปมาหากันได้ ที่อำเภอแม่สอด และ พระปรางค์สามยอด จะสามารถข้ามจากไทยไปพม่าได้เท่านั้น และที่ จ.ระนอง สามารถข้ามได้ทั้ง 2 ฝั่ง

เรือข้ามฝั่ง[edit | edit source]

ประเทศไทยมีเรือข้ามฝั่งจากจังงหวัดสตูล ทางภาคใต้ของไทยไปยัง เกาะลังกาวี ของประเทศมาเลเซียก็มีให้บริการ บริการเรืออื่นๆ ได้แก่ บริการเดินเรือจาก อำเภอตากใบ ไปที่ เพงกาลัน คูเบอร์ นอกจากนี้ยังมี เรือหรูหราของสตาร์ ครู๊ซ ซึ่งเดินทางจากประเทศสิงคโปร์ และประเทศมาเลเซีย มาสู่ภูเก็ต และกรุงเทพมหานคร

รถไฟ[edit | edit source]

ประเทศไทยมีบริการเดินรถไฟข้ามประเทศ โดยเชื่อมต่อกับบัตเตอร์เวิร์ธ ใกล้ๆกับ ปีนัง, กัวลาลัมเปอร์ ในประเทศมาเลเซีย ไปยังประเทศสิงคโปร์ รถไฟจะราคาถูกแต่ใช้เวลานานกว่าเครื่องบินมาก บริการรถด่วน อีสเทอร์น แอนด์ โฮเรียลทอล เป็นขบวนรถไฟที่ตกแต่งอย่างหรูหรา และออกเดินทางอาทิตย์ละ 1 เที่ยวก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เขตชายแดนอื่นๆที่มีคือ หนองคาย และ อรัญประเทศ ซึ่งมีบริการรถประจำทางเดินทางจากชายแดนประเทศไทยไปยังประเทศลาว และประเทศกัมพูชา

การเดินทางในประเทศ[edit | edit source]

เครื่องบิน[edit | edit source]

คุณสามารถจองตั๋วเครื่องบินมาที่ประเทศไทยหรือท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ นอกจากนี้ประเทศไทยมีท่าอากาศยานรองรับเที่ยวบินต่างๆ เป็นจำนวนมากทั่วประเทศ เช่น ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงราย ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ ท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี และท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ เป็นต้น โดยเมื่อคุณลงจากเครื่องบินแล้ว ก็ยังมีบริการรถบริการรับส่งสนามบิน หน้าสนามบินหลักๆ เพื่อจะเดินทางเข้าไปยังตัวเมือง โดยแบ่งเป็นเส้นทางต่างๆ

รถยนต์[edit | edit source]

การขับรถไปท่องเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ ในประเทศไทยด้วยตัวเองได้รับความนิยม เพราะถนนหนทางมีสภาพดีขึ้น และง่ายต่อการขับขี่ นอกจากใช้ในชีวิตประจำวัน ยังสามารถพาสมาชิกในครอบครัวออกไปพักผ่อนในแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามได้อย่างสะดวกสบาย สำหรับเส้นทางที่ใช้ในการขับรถเที่ยว ปัจจุบันมีทั้งใกล้และไกล มีทั้งแบบขับบนเส้นทางง่ายๆ ไม่ต้องใช้ทักษะอะไรมาก เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน ไปจนถึงเส้นทางเข้าป่าเขาทุรกันดาร เหมาะสำหรับรถ 4WD และผู้ขับที่มีทักษะสูง รักการผจญภัย

รถไฟ[edit | edit source]

ขบวนรถเร็วที่ 112 ที่สถานีรถไฟพิชัย

คุณสามารถเดินทางในประเทศไทย โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงเทพมหานคร แยกเป็นเส้นทางต่างๆ ดังนี้

  • ทางสายเหนือ ถึงสถานีจังหวัดเชียงใหม่ ระยะทาง 751 กิโลเมตร
  • ทางสายใต้ ถึงสถานีสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ระยะทาง 1,143 กิโลเมตร และสถานีปาดังเบซาร์ มาเลเซีย ระยะทาง 974 กิโลเมตร
  • ทางสายตะวันออก ถึงสถานีอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ระยะทาง 255 กิโลเมตร และสถานีนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ระยะทาง 200 กิโลเมตร
  • ทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ ถึงสถานีอุบลราชธานี ระยะทาง 575 กิโลเมตร และสถานีท่านาแล้ง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระยะทาง 626.5 กิโลเมตร
  • ทางสายตะวันตก ถึงสถานีน้ำตก จังหวัดกาญจนบุรี ระยะทาง 194 กิโลเมตร
  • ทางสายแม่กลอง ช่วงวงเวียนใหญ่-มหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร ระยะทาง 31 กิโลเมตร และช่วงบ้านแหลม-แม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม ระยะทาง 34 กิโลเมตร

คุณสามารถสอบถามข้อมูลการเดินทางและราคาตั๋วโดยสารของการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง หรือทางเว็บไซต์ https://web.archive.org/web/20061010104943/http://www.railway.co.th/English/network.asp และจองตั๋วรถไฟก่อนวันเดินทางไม่น้อยกว่า 3 วัน ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2220-4444 ทุกวัน เวลา 08.30-16.30

รถประจำทาง[edit | edit source]

รถประจำทางในอำเภอเชียงแสน

ถ้าคุณต้องการการเดินทางไปยังภูมิภาคต่างๆ ในประเทศไทย โดยเดินทางโดยรถประจำทางของไทยนั้น มีจุดขึ้นรถโดยสารหลักอยู่ที่กรุงเทพฯ คือ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 สำหรับเส้นทางสายเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ และตะวันออก สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (ถนนบรมราชชนนี) หรือสายใต้ สำหรับเส้นทางสายใต้และตะวันตก และสถานีขนส่งเอกมัย ถนนสุขุมวิท สำหรับเส้นทางสายตะวันออก นอกจากนี้ยังมีจุดจอดรถของบริษัท ขนส่ง จำกัด และบริษัทเอกชนอื่นๆ อยู่ในเมืองต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาค

รถโดยสารประจำทางส่วนมากเป็นรถบัสปรับอากาศขนาดใหญ่ ทั้งชั้นเดียวและสองชั้น แต่ในบางเส้นทางที่มีระยะทางไม่ไกลนัก เช่น จังหวัดใกล้ๆ กรุงเทพฯ จะมีบริการรถตู้โดยสารของบริษัทเอกชนจอดให้บริการตามจุดต่างๆ ของกรุงเทพฯ ด้วย และในเขตจังหวัดต่างๆ นอกเขตกรุงเทพฯ ยังมีบริการรถโดยสารประจำทางของบริษัทเอกชนต่างๆ ทั้งรถปรับอากาศและรถไม่ปรับอากาศ และรถโดยสารชนิดอื่นๆ เช่น รถตู้ รถสองแถว ให้บริการเป็นจำนวนมากด้วย

คุณสามารถสอบถามเส้นทาง ตารางเวลาการเดินรถ และราคาตั๋วโดยสารของบริษัท ขนส่ง จำกัด ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1490 หรือทางเว็บไซต์ http://www.transport.co.th ส่วนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีรถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และรถร่วมบริการ ทั้งรถบัสและรถตู้ ให้บริการตั้งแต่เวลา 04.00-23.00 น. และบางสายให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ติดต่อสอบถามเส้นทางการเดินรถได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 184 หรือ ทางเว็บไซต์ https://web.archive.org/web/20140912012401/http://www.bmta.co.th/

ตุ๊กตุ๊ก[edit | edit source]

บริการสามล้อตุ๊กตุ๊กมีบริการทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ เป็นที่นิยมทั้งในหมู่คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว เพราะมีขนาดเล็ก ขับขี่ง่าย เคลื่อนตัวสะดวก ประหยัดเชื้อเพลิง และบรรทุกของได้มากกว่ามอเตอร์ไซค์ ทั้งราคาค่าบริการก็ไม่แพง

อื่นๆ[edit | edit source]

นอกจากนี้ การเดินทางอื่นๆ ในประเทศไทยนั้น ยังมีการนั่งเรือ รถจักรยานยนตร์ และรถจักรยาน โดยสามารถเช่าตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ส่วนเดินทางในกรุงเทพมหานครนั้น สามารถใช้รถไฟฟ้า BTS หรือรถไฟฟ้าความเร็วสูง ตามความสะดวก

ท่องเที่ยว[edit | edit source]

แหล่งท่องเที่ยวมีอยู่อย่างหลากหลายในประเทศไทย ตั้งแต่แหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม เช่น พิพิธภัณฑ์ อนุสาวรีย์ ศูนย์ศิลปะ ฯลฯ ที่บ่งบอกถึงความเป็นชาติที่สร้างสมวัฒนธรรมอันดีงามมายาวนาน แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนา เช่น วัดวาอาราม มัสยิด โบสถ์คริสต์ สะท้อนถึงศรัทธาในศาสนา ซึ่งแม้จะแตกต่าง แต่คนไทยก็อยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน สำหรับแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาตินั้น นับเป็นทรัพยากรล้ำค่าเลยทีเดียว เพราะหาดทราย ชายทะเล เกาะแก่ง โถงถ้ำ น้ำตก ขุนเขา และผืนป่า รวมถึงสรรพชีวิตนานา คือภาพรวมที่ฉายชัดให้เห็นว่า เมืองไทยนั้นอุดมสมบูรณ์เพียงใด ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอันเนื่องมาจากโครงการในพระราชดำริที่กระจายอยู่ทั่วเมืองไทย แสดงให้เห็นถึงน้ำพระราชหฤทัยของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ในการโอบอุ้มดูแลพสกนิกรและพื้นที่ให้อยู่เย็นเป็นสุข และอีกหลากหลายแหล่งท่องเที่ยวที่น่าไปเยือน ทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ย่านจับจ่ายสินค้า ฯลฯ

แหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม[edit | edit source]

แหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของสถานที่ต่างๆ รวมทั้งเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินชมความงามของแหล่งธรรมชาติและวิถีชีวิตที่ถูกถ่ายทอดเป็นงานศิลปะจัดแสดงไว้ตามแกลเลอรี

ในประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปะ วัฒนธรรม อยู่มากมาย เพราะประเทศไทยมีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน จนถึงวันนี้ ร่องรอยของความรุ่งเรืองในวันเก่าก่อนยังคงปรากฏตกทอดอยู่ตามสถานที่สำคัญหลายแห่ง ซึ่งบางแห่งได้รับคัดเลือกให้เป็นแหล่งมรดกโลกที่คนไทยภาคภูมิใจ

กิจกรรมในแหล่งท่องเที่ยวประเภทนี้คือการเรียนรู้ที่ได้รับความเพลิดเพลินไปพร้อมๆ กัน นับว่าเป็นการพักผ่อนหย่อนใจที่ได้ประโยชน์ในแง่ของสมองและจิตใจเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว

แนะนำ[edit | edit source]

พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทและพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
  • พระบรมมหาราชวัง เป็นหรือพระราชวังพระนคร เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์สมัยรัตนโกสินทร์ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30–16.00 น. (ห้องจำหบ่ายบัตรเข้าชม ปิดเวลา 15.30 น.) ค่าเข้าชม ชาวไทยไม่เสียค่าเข้าชม ส่วนชาวต่างชาติค่าเข้าชมท่านละ 400 บาท (โปรดแต่งกายสุภาพ ผู้หญิงสวมกระโปรงสุภาพ) ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เบอร์โทรศัพท์ 0 2623 5500 ต่อ 3100 หรือ 0 2224 3273 หรือทางเว็บไซต์ http://www.palaces.thai.net/
  • พระที่นั่งอนันตสมาคม เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการถาวรในปัจจุบัน โดยในสมัยก่อนเป็นที่รับรองแขกเมืองและประชุมปรึกษาราชการแผ่นดิน ในรัชกาลที่ 5 เปิดให้เข้าชมวันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 10.00-18.00 น. (ปิดขายบัตร 17.00 น. โปรดแต่งกายสุภาพ ผู้หญิงสวมกระโปรงสุภาพ) ปิดวันจันทร์ วันปีใหม่ วันสงกรานต์ ค่าเข้าชม 150 บาท เด็ก 75 บาท ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เบอร์โทรศัพท์ 0-2283-9411
  • อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ของไทยสมัยเริ่มสร้างอาณาจักรที่ยังหลงเหลืออยู่ โดยได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก โดยเดินทางจากตัวเมืองไปทางทิศตะวันตกประมาณ 12 กิโลเมตร หรือนั่งรถประจำทางหรือรถท้องถิ่น (คอกหมู) ของสุโขทัยได้ที่สถานีขนส่งสุโขทัย หรือจากท่ารถในตัวเมืองสุโขทัย ห่างจากสะพานข้ามแม่น้ำยมไปราว 200 เมตร นั่งรถสองแถวสายเมืองเก่าออกทุก 20 นาที เวลา 06.00 - 18.00 น. ค่าเข้าชม นักท่องเที่ยวชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท ในกรณีที่นำยานพาหนะเข้าเขตโบราณสถานต้องเสียค่าธรรมเนียมอีกด้วย และที่บริเวณลานจอดรถของอุทยานฯ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวจัดบริการ รถราง นำชมรอบ ๆ อุทยานฯ ค่าบริการ นักท่องเที่ยว ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 40 บาท นอกจากนั้นที่บริเวณด้านหน้าอุทยาน มีบริการรถจักรยานให้เช่าอุทยาน เปิดทุกวัน เวลา 06.00-21.00 น. (ปิดจำหน่ายบัตรเวลา 18.00 น.) ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เบอร์โทรศัพท์ 0-5569-7527, 0-5569-7241
  • ศูนย์ศิลปะการแสดงกาดสวนแก้ว เป็นศูนย์การแสดงละครทั้งของไทยและต่างประเทศ เปิดทำการเวลา 10.00 - 22.00 ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เบอร์โทรศัพท์ โทร. +66 5322 4333 ต่อ กาดศิลป์ หรือเว็บไซต์ http://www.kadsuankaew.co.th
  • พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป เป็นศูนย์รวบรวมและจัดแสดงผลงานศิลปะทั้งแบบประเพณีไทยโบราณ แบบสากลร่วมสมัยของศิลปินที่มีชื่อเสียงของไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน และยังมีภาพเขียนสีน้ำมันฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ติดตั้งแสดงอยู่ด้วย โดยในอดีตเป็นโรงผลิตเหรียญกษาปณ์ของไทย เปิดให้เข้าชมทุกวันพุธ-อาทิตย์ ปิดวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เบอร์โทรศัพท์ 0 2281 2224 และ 0 2282 2639-40

แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนา[edit | edit source]

ประเทศไทยมีคนนับถือศาสนาหลายศาสนา ซึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาที่แตกต่างกัน ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่น้อยกว่าแหล่งท่องเที่ยวประเภทอื่น

ทั่วทุกภาคของแผ่นดินไทยมีวัดวาอาราม โบสถ์ และมัสยิดตั้งอยู่ด้วยความศรัทธาของผู้คน ทั้งเพื่อเป็นสถานที่สำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน มีทั้งวัด โบสถ์ มัสยิดเก่าแก่ อายุนับร้อยปี ซึ่งงามตาด้วยศิลปะสถาปัตยกรรมในยุคต่างๆ บางแห่งมีตำนานเรื่องเล่าที่น่าทึ่งเสริมเข้าไปอีกด้วย สำหรับวัด โบสถ์ มัสยิดที่เพิ่งก่อสร้างในยุคหลังๆ นี้ ก็มีความงดงามด้วยรูปแบบศิลปะสถาปัตยกรรมร่วมสมัย

แนะนำ[edit | edit source]

ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร
  • วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร เป็นวัดเก่าแก่ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ได้เล่าเรียนพระปริยัติธรรม และยังเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 18.00 น.ค่าเข้าชมสำหรับชาวต่างชาติคนละ 100 บาท ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เบอร์โทรศัพท์ 0-2226-0335 และ 0-2226-0369 หรือทางเว็บไซต์ https://web.archive.org/web/20091125072156/http://www.watpho.com/
  • โบสถ์วัดโรมันคาทอลิก เป็นขนาดใหญ่ที่มีความเก่าแก่และกล่าวกันว่ามีความงดงามมากที่สุดในประเทศไทย สามารถเดินทางเข้ามาจันทบุรี แล้วต่อถนนทางเดียวกับวัดไผ่ล้อม เมื่อถึงวัดไผ่ล้อมแล้วเดินทางต่อไปอีกราว 1 กิโลเมตร หรือจากตัวเมืองเดินทางข้ามสะพานวัดจันท์ไปตามถนนจันทนิมิตรจะพบทางแยกขวาไปโบสถ์คาทอลิก เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-16.30 น. การเข้าชมเป็นหมู่คณะควรติดต่อล่วงหน้า ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เบอร์โทรศัพท์ 0-3931-1578
  • มัสยิดกลางปัตตานี เป็นศูนย์กลางในการประกอบศาสนกิจของชาวไทยมุสลิมในภาคใต้ เป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกมีรูปทรงคล้ายกับทัชมาฮาลของอินเดีย เดินทางมาตามริมถนนสายปัตตานี-ยะลา (ทางหลวง หมายเลข 410) หรือจากถนนพิพิธแล้วเลี้ยวขวา ไปตามถนนไปจังหวัดยะลา ระยะทางประมาณ 500 เมตร จะเห็นมัสยิด เปิดทำการเวลา 08.00 - 18.00 ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เบอร์โทรศัพท์ 0-7333-2402
  • ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร เป็นศาลที่สร้างขึ้นมาพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี ตามธรรมเนียมพิธีพราหมณ์ว่า ก่อนที่จะสร้างเมืองจะต้องทำพิธียกเสาหลักเมืองในที่อันเป็นชัยภูมิสำคัญ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านเมืองที่จะสร้างขึ้น ตั้งอยู่บริเวณมุมด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของท้องสนามหลวง ตรงข้ามพระบรมมหาราชวัง ถนนหลักเมือง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เปิดทำการเวลา 07.00 - 18.00

แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ[edit | edit source]

แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาตินับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นของประเทศไทย เพราะประเทศไทยมีแหล่งธรรมชาติที่งดงามหลากหลายประเภท ตั้งแต่ภูเขา ผืนป่า น้ำตก หาดทราย ชายทะเล หมู่เกาะ โถงถ้ำ ทะเลสาบ ทุ่งดอกไม้ น้ำพุร้อน ฯลฯ ซึ่งอุดมสมบูรณ์ด้วยสรรพชีวิตที่อาศัยอยู่ในแหล่งธรรมชาตินั้นๆ

การมีแหล่งธรรมชาติหลายประเภทนับเป็นข้อได้เปรียบของเมืองไทย เพราะนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปชื่นชมความงามของเมืองไทยได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะเมื่อเลือกเดินทางในช่วงเวลาที่เหมาะสม ก็จะได้ชมความงามและเรียนรู้เรื่องราวของธรรมชาติได้อย่างสนุก มีความสุข และปลอดภัย

แนะนำ[edit | edit source]

ทัศนียภาพบริเวณจุดชมวิวของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
น้ำตกเหวนรกชั้นที่ 2 และ 3 แต่ชั้นที่ 1 มองไม่เห็นจากมุมนี้ โดยซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้สีเขียวด้านบน ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
ทิวทัศน์ของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
ทัศนียภาพของดอยแม่สลอง
ทิวทัศน์ของวนอุทยานภูชี้ฟ้า
ชุมชนในอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด
ทิวทัศน์ของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี
  • อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ 4 จังหวัด 11 อำเภอ ได้แก่ อำเภอมวกเหล็ก อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี อำเภอปากช่อง อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา อำเภอนาดี อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอประจันตคาม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี และอำเภอปากพลี อำเภอบ้านนา อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก เดินทางสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ไปได้หลายทาง สายที่ 1 ถนนพหลโยธินผ่านรังสิตถึงสระบุรี เลี้ยวขวาเข้าถนนมิตรภาพผ่านมวกเหล็กไปทางอำเภอปากช่อง ก่อนถึงอำเภอปากช่องเลี้ยวเข้าถนนธนรัตน์ ระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 205 กิโลเมตร สายที่ 2 ถนนพหลโยธินผ่านรังสิต ผ่านหนองแค เลี้ยวขวาสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 305 (สุวรรณศร)ที่หินกอง ผ่านตัวเมืองนครนายกถึงสี่แยกเนินหอม หรือวงเวียนนเรศวร ก่อนเข้าตัวเมืองปราจีนบุรีเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนปราจีนบุรี-เขาใหญ่ รวมระยะทางประมาณ 190 กิโลเมตร และสายที่ 3 ถนนพหลโยธิน เลี้ยวขวาบริเวณรังสิต เข้าสู่ทางหลวงสายรังสิต-องค์รักษ์ และสายองค์รักษ์-นครนายก บรรจบกับเส้นทางสายที่ 2 แล้วเดินทางต่อตามเส้นทางสายที่ 2 เปิดทำการทุกวัน เวลา 08.00 - 17.00 ค่าเข้าขม ชาวไทยเด็ก 20 บาท ผู้ใหญ่ 40 บาท ชาวต่างประเทศเด็ก 200 บาท ผู้ใหญ่ 400 บาท รถ 50 บาท รถบัส 200 บาท รถจักรยานยนต์ 20 บาท มีที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก บริเวณผากล้วยไม้จัดเป็นสถานที่ตั้งเต็นท์พักแรมมีร้านค้าสวัสดิการขายอาหาร และมีเต็นท์และเครื่องนอนให้เช่านอกจากนั้นยังมีค่ายพักบริการอีก 2 แห่งคือ ค่ายพักกองแก้ว และค่ายพักเยาวชน สำหรับการจองบ้านพัก ติดต่อโดยตรงที่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เบอร์โทรศัพท์ 0-2562-0760-2 หรือจองบ้านพักผ่านทางเว็บไซต์ https://web.archive.org/web/20120407194715/http://www.dnp.go.th/ แต่ทางอุทยานมีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ วันละ 2,000 คน ดังนั้นผู้ประสงค์จะเข้าไปเที่ยวในอุทยาน กรุณาสอบถามหรือติดต่อล่วงหน้าที่ โทร. 0-3736-5033, 08-1877-3127 และ 08-6092-6531 (ตลอด 24 ชั่วโมง) และเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและไม่เป็นการรบกวนการดำรงชีวิตสัตว์ป่า โดยห้ามนำสัตว์เลี้ยงขึ้นไปบนอุทยาน และห้ามรถยนต์ขนาดมากกว่า 40 ที่นั่ง รถสองชั้นหรือมีความสูง 3.50 เมตร ขึ้น – ลงเส้นทางระหว่างด่านศาลเจ้าพ่อ อำเภอปากช่อง ถึงที่ทำการอุทยาน สำหรับการขึ้น –ลง เส้นทางระหว่างด่านเนินหอม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี ถึงที่ทำการอุทยาน ห้ามขึ้น – ลง ระหว่างเวลา 16.00 – 06.00 น.
  • อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศด้วยความสูง 2,565 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง เดินทางได้ 3 วิธี วิธีแรกเดินทางโดยรถประจำทางปรับอากาศสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ ถนนกำแพงเพชร 2 ทุกวัน วันละหลายเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่บริษัทขนส่ง จำกัด โทรศัพท์ 0-2537-8055 และที่เชียงใหม่ โทรศัพท์ +66-5324-1449, +66-5324-2664 วิธีที่สองเดินทางโดยรถไฟด่วนและรถไฟเร็ว ออกจากสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ทุกวัน สอบถามรายละเอียดได้ที่หน่วยบริการเดินทาง การรถไฟแห่งประเทศไทย เบอร์โทรศัพท์ +66-223-7010 หรือ สถานีรถไฟเชียงใหม่ เบอร์โทรศัพท์ +66-2223-7020 และวิธีที่สามเดินทางโดยรถยนตร์จากกรุงเทพมหานคร ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) แยกเข้าทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเชีย) ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง นครสวรรค์ หลังจากนั้นช้ทางหลวงหมายเลข 117 ไปยังพิษณุโลก ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 11 ผ่านลำปาง ลำพูน ถึงเชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 695 กิโลเมตร อีกทางหนึ่งก็คือจากนครสวรรค์ ไปตามทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านกำแพงเพชร ตาก และลำปาง ถึงเชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 695 กิโลเมตร เปิดทำการทุกวัน เวลา 06.00 - 18.00 ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เบอร์โทรศัพท์ +66-5326-8550 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเบอร์โทรศัพท์ +66-5326-8577 ระหว่างเวลา 08.00-17.00 น.
  • ดอยแม่สลอง เป็นดอยชุมชนผู้อพยพจากกองพล 93 จากประเทศพม่าเข้ามาในประเทศไทย และในเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ ดอกนางพญาเสือโคร่ง จะผลิดอก ซึ่งหาชมได้ยาก เพราะเจริญเติบโตอยู่แต่เฉพาะในภูมิอากาศหนาวจัดเท่านั้น เดินทางมาโดยรถยนต์ใช้เส้นทางเชียงราย-แม่จัน 28 กิโลเมตร เลยจากอำเภอแม่จันไป 1 กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายไป 23 กิโลเมตร ผ่านหมู่บ้านผาเดื่อ ซึ่งเป็นจุดแวะชมและซื้อหัตถกรรมชาวเขา จากนั้นเดินทางจากบ้านอีก้อสามแยก (ทางขวาไปหมู่บ้านเทิดไทย) ตรงไปดอยแม่สลอง ระยะทาง 10 กิโลเมตร รวมระยะทางจากเชียงราย 64 กิโลเมตร เป็นทางลาดยางตลอดสาย และจากดอยแม่สลองมีถนนเชื่อมต่อไปถึงบ้านท่าตอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ระยะทาง 45 กิโลเมตร ในกรณีไม่ได้ขับรถมาเองให้ขึ้นรถประจำทางจากตัวเมืองเชียงรายไปต่อรถสองแถวที่ปากทางขึ้นดอยแม่สลอง เบอร์โทรศัพย์ 08-1024-0813 (ค่ารถคนละ 50 บาท เหมา 400 บาท ไป-กลับ 800 บาท) เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. ค่าเข้าชม 30 บาท ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เบอร์โทรศัพท์ 0-5376-5170, 0-5376-5180 ศูนย์ประสานงานนำเที่ยวชุมชุน HOMESTAY และกางเต็นท์ เบอร์โทรศัพท์ 0-5371 0024, 08-5038-6362 อบต. แม่สลองนอก เบอร์โทรศัพท์ 0-5376-5129
  • วนอุทยานภูชี้ฟ้า เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้น มีลักษณะเป็นยอดเขาที่แหลมชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า เดินทางโดยสถานีขนส่งเชียงราย รถออกเวลา 07.00 และ 13.00 น.(เฉพาะฤดูหนาว) รถตู้ จากสถานีขนส่งเชียงราย วันละ 2 เที่ยว เวลา 07.00 น. และ 13.00 น. ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เบอร์โทรศัพท์ สถานีขนส่งเชียงราย โทร. 0-5371-1224 อบต.ตับเต่า เบอร์โทรศัพท์ 0-5318-9111, 08-1724-0052, 08-6189-4611 วนอุทยานภูชี้ฟ้า เบอร์โทรศัพท์ 08-1883-4510
  • แหลมพรหมเทพ เป็นจุดชมวิวที่สวยงามของภูเก็ต และแหลมที่อยู่ตอนใต้สุดของเกาะภูเก็ต เดินทางมาหาดดราไวย์ และเดินไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร เปิดทำการเวลา 06.00 - 19.00
  • อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด อุทยานแห่งชาติประเภทชายฝั่งผสมผสานหมู่เกาะในทะเลแห่งแรกของไทย เดินทางได้ 3 วิธี วิธีแรกเดินทางโดยรถยนต์จากถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข ๔) ถึงสี่แยกปราณบุรีเลี้ยวซ้ายไปตามถนนสายปราณบุรี-ปากน้ำปราณบุรีประมาณ ๘ กิโลเมตร จึงเลี้ยวขวาไปประมาณ ๑๖ กิโลเมตร ผ่านสี่แยกบ้านบางปู ตรงไป ๔ กิโลเมตร ถึงสามแยกเลี้ยวซ้ายอีกครั้งไปอีก ๕ กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานฯ หรือ จากถนนเพชรเกษม จนถึงหลักกิโลเมตรที่ ๒๘๖ (ใกล้บ้านสำโหรง ก่อนถึงอำเภอกุยบุรี ๖ กิโลเมตร) เลี้ยวซ้ายไปอีกประมาณ ๑๔ กิโลเมตรก็จะถึงที่ทำการอุทยาน วิธีที่สอง เดินทางโดยรถประจำทางโดยลงรถที่อำเภอปราณบุรี แล้วต่อรถสองแถวสายปราณบุรี-บ้านบางปู จากบ้านบางปูเหมารถสองแถวไปส่งที่ทำการอุทยาน และวิธีที่สามเดินทางโดยขบวนรถไฟธนบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ หรือ ธนบุรี-หลังสวน ลงรถที่สถานีรถไฟสามร้อยยอด ต่อรถสองแถวสายปราณบุรี-บ้านบางปู (ขึ้นรถได้ที่หน้าสถานีรถไฟ) เมื่อถึงบ้านบางปูหารถเช่าไปอุทยาน เปิดทำการในวันจันทร์ - วันอาทิตย์ เวลา 08.30 - 17.00 ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เบอร์โทรศัพท์ 032-821-568
  • อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่มีลักษณะสวยงามตามธรรมชาติ รอบ ๆ เกาะมีปะการัง กัลปังหา ทิวทัศน์ใต้ทะเลที่งดงาม เดินทางโดยรถยนต์ การเดินทางจากกรุงเทพ ฯ ไปจังหวัดกระบี่ มีระยะทางประมาณ 946 กิโลเมตร โดยใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 ผ่าน จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา กระบี่ หรือถ้าไปอีกเส้นทางหนึ่งก็ได้ ซึ่งจะมีระยะทางที่ใกล้กว่าคือประมาณ 814 กิโลเมตรคือ สามารถใช้เส้นทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 4 จากกรุงเทพฯ ผ่าน จ.ชุมพร แล้วให้เลี้ยวเข้าไปใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 41 ผ่าน อ.หลังสวน อ.ไชยา อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี จากนั้นให้เลี้ยวเข้าไปใช้เส้นทางหลวงจังหวัด หมายเลข 4035 พอผ่าน อ.อ่าวลึก แล้วให้กลับเข้ามาใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 อีกครั้งก็จะเข้าสู่ จ.กระบี่ พอถึงจังหวัดกระบี่แล้ว ก็วิ่งไปตามถนนสายในเมือง-ในสระ จะใช้ระยะทางอีกประมาณ 18 กม.ก็ถึงหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี หลังจากนั้นก็ให้ใช้เส้นทางเลียบชายทะเล ไปทางทิศใต้ระยะทางประมาณ 6 กม. เปิดทำการทุกวัน ทุกเวลา

แหล่งท่องเที่ยวเชิงวิชาการ[edit | edit source]

ประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงวิชาการสำหรับผู้ที่สนใจใฝ่หาความรู้เป็นจำนวนมาก อาทิ ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์เพื่อการศึกษา ศูนย์ฝึกอบรม เป็นต้น เหมาะสำหรับนักเรียนนักศึกษา หรือผู้ที่สนใจทั่วไป

แนะนำ[edit | edit source]

พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประดิษฐาน ณ อาคารอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ
  • อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของวงการวิทยาศาสตร์ไทยเดินทางได้ 3 วิธี วิธีแรกเดินทางโดยรถประจำทางที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี (ถนนบรมราชชนนี) มีบริการรถโดยสารสายกรุงเทพฯ - ประจวบคีรีขันธ์ เป็นประจำทุกวัน โดยสามารถเลือกเดินทางได้ทั้งรถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 และรถโดยสารปรับอากาศชั้น 2 สอบถามรายละเอียดได้ที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ เบอร์โทรศัพท์ 0-2434-7192 หรือ 0-2435-1195 แล้วเดินทางต่อไปยังอุทยาน โดยรถจักรยานยนต์รับจ้าง วิธีที่สองเดินทางโดยรถไฟจากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) หรือสถานีรถไฟธนบุรี (บางกอกน้อย) โดยมีบริการรถไฟไปสถานีรถไฟประจวบคีรีขันธ์ แล้วเดินทางไปโดยรถจักรยานยนต์รับจ้าง วิธีที่สามเดิรทางโดยรถยนตร์ 2 เส้นทาง เส้นทางแรก จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางสายธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) ผ่านจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านจังหวัดเพชรบุรี เข้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่วนเส้นทางที่สอง จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางสายปิ่นเกล้า -นครชัยศรี (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี เข้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดทำการทุกวัน เวลา 09.00 - 16.00 ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เบอร์โทรศัพท์ 0-3266-1098, 0-3266-1726-7 ต่อ 247 หรือโทรสาร 0-3266-1727
  • ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร เป็นที่รวบรวมข้อมูลทางด้านมานุษยวิทยาและศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง เช่น สังคมวิทยา โบราณคดี ประวัติศาสตร์ศิลปะ ภาษา และวรรณกรรม เป็นแหล่งค้นคว้าศึกษา และให้บริการข้อมูลทางด้านมานุษยวิทยา นิทรรศการเปิดให้เข้าชมวันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00–16.00 น. ห้องสมุดเปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 08.00-16.00 น. สำนักงานเปิดวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00–17.00 น. ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เบอร์โทรศัพท์ โทร. 0-2880-9429 หรือทางเว็บไซต์ http://www.sac.or.th
  • พิพิธภัณฑ์วังวรดิศ และหอสมุดดำรงราชานุภาพ เป็น พระตำหนักที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และหอสมุดรวมหนังสือส่วนพระองค์ ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ซึ่งมีกว่า 7,000 เล่ม รวมทั้งหนังสือวารสาร หนังสือพิมพ์และหนังสือวิชาการเน้นด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี เปิดวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30–16.30 น. ปิดวันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดราชการ ไม่เสียค่าเข้าชม (ใช้เวลาในการชมประมาณ 3 ชั่วโมง) ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เบอร์โทรศัพท์ 0-2280-3150, 0-2282-9110, 0-2281-7577, 0-2223-8661 หรือโทรสาร 0-2282-9110 หรือทางเว็บไซต์ http://www.prince-damrong.moi.go.th/

แหล่งท่องเที่ยวเชิงสันทนาการและบันเทิง[edit | edit source]

แหล่งท่องเที่ยวเชิงสันทนาการและบันเทิงคือการปลดเปลื้องความเครียดได้อย่างดียิ่ง สถานที่ท่องเที่ยวประเภทนี้มีอยู่มากมายในกรุงเทพฯ และตามเมืองใหญ่ มีข้อดีที่สุดคือใช้เวลาและงบประมาณไม่มากนัก อีกทั้งยังมีหลายรูปแบบให้เลือกตามรสนิยม ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬา ชมการแข่งขัน เที่ยวสวนสัตว์ กลับไปเป็นเด็กในสวนสนุก ดูหนัง ดูละคร ไปจนถึงการสูดอากาศบริสุทธิ์ในสวนอันร่มรื่น

แนะนำ[edit | edit source]

ท้องสนามหลวง
ศูยน์จัดแสดงยีราฟในสวนสัตว์ดุสิต
สไลเดอร์ขนาดใหญ่ของสวนสยาม
  • ฟาร์มโชคชัย เป็นฟาร์มโคนมที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในฟาร์มที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย ตั้งอยู่บนถนนมิตรภาพ-ปากช่อง กิโลเมตรที่ 159-160 เปิดทำการวันวันอังคาร - วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00 - 16.00 ค่าเข้าชม วันอังคาร – วันศุกร์ ผู้ใหญ่ 235 บาท เด็ก 115 บาท วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ผู้ใหญ่ 250 บาท เด็ก 125 บาท ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เบอร์โทรศัพท์ 0-4432-8386, 0-4432-8485 หรือทางเว็บไซต์ http://www.farmchokchai.com
  • ท้องสนามหลวง เป็นสนามขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ด้านหน้าวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ระหว่างพระบรมมหาราชวังกับพระราชวังบวรสถานมงคล อนุญาตให้ประชาชนเข้าไปใช้พื้นที่เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ และสันทนาการตามปกติ แต่ห้ามนำสินค้าเข้าไปจำหน่าย จอดรถหรืออาศัยเป็นที่หลับนอน ซึ่งสามารถเข้าใช้พื้นที่ได้ ระหว่างเวลา 05.00-22.00 น
  • Flow House Bangkok เป็นสถานที่ฝึกเล่นโฟล์วบอร์ดในกรุงเทพมหานคร ค่าบริการราคา 550 บาท ต่อ 1 ชั่วโมง : วันจันทร์-ศุกร์ก่อน 6 โมงเย็น 650 บาท ต่อ 1 ชั่วโมง : วันจันทร์-ศุกร์ หลัง 6 โมงเย็น ส่วนในวันเสาร์-อาทิตย์เล่นได้ทั้งวัน มีบริการสระว่ายน้ำ ห้องอาบน้ำ และมีผู้ฝึกทุกรอบจะมีผู้ฝึกสอนที่ได้รับการอบรมมาอย่างดีคอยควบคุมดูแล
  • ไดโนปาร์คมินิกอล์ฟ เป็นสนามมินิกอล์ฟ ขนาด 18 หลุม ในบรรยากาศโลกล้านปี เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00–24.00 น. ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เบอร์โทรศัพท์ 0-7633-0625
  • สวนสัตว์ดุสิต เป็นสวนสัตว์ที่ได้รับพระราชทานนามในนามของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน เดินทางโดยรถประจำทาง 18 28 108 รถกระจำทางปรับอากาศสาย 528 515 539 542 ค่าเข้าชมชาวไทยผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท เด็กชาวต่างชาติ 50 บาท ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เบอร์โทรศัพท์ 0-2281-2000, 0-2281-9027-8 หรือทางเว็บไซต์ http://www.zoothailand.org/
  • อุทยานผีเสื้อและแมลงกรุงเทพฯ เป็นอุทยานที่จัดแสดงผีเสื้อและแมลงต่างๆ เปิดวันอังคาร-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30-16.30 น. ปิดวันจันทร์ ไม่เสียค่าเข้าชม ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เบอร์โทรศัพท์ 0-2272-4359-60, 0-2272-4680
  • สยามโอเชี่ยนเวิลด์ เป็นอุทยานสัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดแสดงสัตว์น้ำจากทั่วโลกกว่า 30,000 ตัว 400 กว่าชนิด รวมทั้งสัตว์น้ำที่หายากของโลก เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-22.00 น. ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 450 บาท เด็ก 280 บาท ติดต่อสอบถามรายละเอียดที บริษัท สยามโอเชี่ยน เวิลด์ จำกัด เบอร์โทรศัพท์ 0-2687-2000 หรือทางเว็บไซต์ https://web.archive.org/web/20090323022530/http://www.siamoceanworld.com/
  • สวนสยาม เป็นสวนสนุกที่ประกอบไปด้วยทะเลเทียมน้ำจืด สไลเดอร์ พร้อมด้วยเครื่องเล่นนานาชนิด เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. เดินทางโดยรถประจำทางธรรมดา สาย 60, 71, 115 รถประจำทางปรับอากาศ สาย 60 ปอ.พ. 25 ค่าเข้าชม (สวนน้ำและเครื่องเล่น) คนละ 900 บาท ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เบอร์โทรศัพท์ 0 2919 7200-19 หรือทางเว็บไซต์ http://www.siamparkcity.com/
  • พิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ไทย เป็นพิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ไทย ในอาคารซึ่งเป็นโรงถ่ายภาพยนตร์จำลอง จัดแสดงประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทย ขบวนการผลิตภาพยนตร์ไทย อุปกรณ์ประกอบฉาก มีการจัดแสดงหุ่นบุคคลสำคัญในวงการหนังไทยทั้งดาราและผู้สร้างหนังเพื่อยกย่องผู้ร่วมบุกเบิกสร้างสรรค์วงการหนังไทยเช่น หุ่นมิตร ชัยบัญชา นักแสดงที่อยู่ในความทรงจำของทุกคน โต๊ะทำงานของปยุต เงากระจ่าง ผู้สร้างภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องแรกของไทย เปิดวันเสาร์ เวลา 13.00-17.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชม ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เบอร์โทรศัพท์ 0-2482-2013-5, 0-2482-1087-8 (เข้าชมเป็นรอบ ๆละ 15-20 คน)

แหล่งท่องเที่ยวเชิงอื่น[edit | edit source]

พันธุ์พืชเมืองหนาวในสถานีเกษตรหลวงอ่างขางหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวเชิงโครงการหลวงและโครงการในพระราชดำริ
การนวดแผนไทย เป็นหนึ่งเอกลักษณ์ของแหล่งท่องเที่ยวเชิงสปา

โครงการหลวงและโครงการในพระราชดำริ[edit | edit source]

โครงการหลวงและโครงการในพระราชดำริเกิดขึ้นจากพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่ทรงช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น โดยทรงมุ่งเน้นให้ชาวบ้านมีพื้นที่ทำกินและมีอาชีพที่สามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน ซึ่งสถานที่อันเป็นที่ตั้งของโครงการหลวงและโครงการในพระราชดำริส่วนใหญ่นั้นมีภูมิทัศน์สวยงาม จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยคุณค่าน่าสนใจ

การเดินทางไปท่องเที่ยวในพื้นที่โครงการหลวงและโครงการในพระราชดำริ นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมความงามของพื้นที่แล้ว ยังจะได้เรียนรู้วิถีชีวิตเกษตรกรอย่างใกล้ชิด และยังได้กระจายรายได้ด้วยการเลือกซื้อผลิตผลที่สด สะอาด กลับมาอีกด้วย

สปา[edit | edit source]

ในเมืองไทยมีแหล่งท่องเที่ยวแนวสปาเพื่อสุขภาพอยู่มากมาย ทั้งในใจกลางกรุงเทพฯ และตามเมืองใหญ่ ซึ่งมีสปาระดับมาตรฐาน คุณภาพสี่ดาว พรั่งพร้อมด้วยคอร์สดูแลร่างกายสารพันประเภทให้เลือกมากมาย แด่ผู่ที่รักการผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ โดยเน้นการดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ

นอกจากนี้ ในแหล่งธรรมชาติบางแห่งก็มีการจัดระบบการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งได้รับรางวัลการันตีคุณภาพมาแล้ว เช่น อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน มีห้องอาบน้ำแร่ร้อนในธรรมชาติที่สวยงามและสะอาดในราคาย่อมเยา

วิถีชีวิต[edit | edit source]

การเดินทางไปเยือนชุมชนและย่านการค้าเก่าแก่คือการท่องเที่ยวที่ได้รับความรื่นรมย์กลับมาได้มากอย่างไม่น่าเชื่อ ในเมืองไทยนั้นมีแหล่งท่องเที่ยวประเภทนี้อยู่หลายแห่ง แต่ละแห่งล้วนมีเอกลักษณ์โดดเด่นที่สั่งสมกันมานานจนกลายเป็นจุดขายที่เข้มแข็ง หลายแห่งเป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวไปเยือนแล้วติดอกติดใจ จนต้องเดินทางกลับไปอีกครั้งหรือหลายครั้งโดยไม่รู้เบื่อ

การท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตมีทั้งแบบไปเช้าเย็นกลับ คือ เดินชมหมู่บ้าน พูดคุยกับชาวบ้าน จับจ่ายข้าวของสารพัดชนิดที่ชาวบ้านนำมาขายในราคาน่าซื้อ และแบบค้างคืน ซึ่งจะได้กินอยู่ในชุมชนด้วยรูปแบบโฮมสเตย์ นอกจากได้เรียนรู้วิถีชีวิตอย่างแท้จริงแล้ว ยังเป็นการกระจายรายได้ที่ดีอีกด้วย

ช้อปปิ้ง[edit | edit source]

ประเทศไทยนับเป็นสวรรค์สำหรับนักช้้อปปิ้ง เพราะมีสินค้าทุกประเภทและทุกระดับราคาให้เลือกซื้อกันตามรสนิยมและงบประมาณ โดยเฉพาะสินค้าโอทอป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานศิลปหัตถกรรมฝีมือชาวบ้าน ราคาย่อมเยา และผลิตผลทางการเกษตร สด สะอาด จากไร่สวนนั้น นับเป็นของฝากประจำถิ่นที่น่าซื้อหากลับมาเป็นอย่างยิ่ง ไม่ใช่แค่มีสินค้าหลากหลาย แต่เมืองไทยยังมีแหล่งช้อปปิ้งมากมาย โดยกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค มีตั้งแต่ตลาดนัด ตลาดน้ำ ตลาดเก่า ที่บรรยากาศการซื้อขายเต็มไปด้วยความสนุกสนานของการต่อรอง ไปจนถึงห้างสรรพสินค้าหรูหราจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนม ซึ่งมีช่วงเวลาลดราคาประจำปี อันเป็นโอกาสทองของนักช็อป ด้วยความที่มีแหล่งช็อปปิ้งหลากหลายและมากมายเช่นนี้เอง การท่องเที่ยวในเมืองไทยจึงควบคู่ไปกับการช้อปปิ้งได้อย่างเหมาะเจาะลงตัว

ตลาด[edit | edit source]

  • ตลาดนัดสวนจตุจักร ตั้งอยู่ที่ถนนพหลโยธิน มีสินค้ามากมายหลายประเภทจำหน่าย เช่น สินค้าพื้นเมือง เครื่องจักสานเครื่องประดับ เสื้อผ้า ไปจนถึงสัตว์เลี้ยงนอกจากนี้ยังจัดบริเวณเฉพาะสำหรับร้านค้าพันธุ์ไม้ดอกไม้ ประดับชนิดต่าง ๆ ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย เปิดทุกวันเสาร์ และวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น.
  • เจเจ มาร์เก็ต เชียงใหม่ ตั้งอยู่บนถนนอัษฏาธร ห่างจากวงแหวนในตัวเมืองประมาณ 1 กิโลเมตร ศูนย์การค้าแบบ Open Air รูปแบบเดียวกับตลาดนัดจตุจักรหรือสยามสแควร์ในกรุงเทพฯ ด้วยพื้นที่กว่า 40 ไร่ ประกอบด้วยร้านค้ากว่า 500 ร้าน เป็นตลาดนัดที่มีความหลากหลายของสินค้า เปิดตั้งแต่เช้าจรดค่ำ โดยเฉพาะในเช้าตรู่วันพุธและวันเสาร์ตั้งแต่ก่อน 6 โมง จะมีตลาดนัดพืชผักผลไม้แอร์แกนิค มาจำหน่ายด้วยราคาผู้ผลิตโดยตรงและจะเริ่มวายประมาณ 8 โมงเช้า หลังจากนั้นตอนสายร้านค้าต่าง ๆ จะเริ่มเปิด มีทั้งร้านจากโครงการส่วนพระองค์และโครงการในพระราชดำริ ร้านสินค้าหัตถกรรม ร้านบูติกเสื้อผ้า-เครื่องประดับ ร้านอาหาร-ชา-กาแฟ ร้านขายของเก่า ของสะสม เฟอร์นิเจอร์ ภาพเขียน ฯลฯ รวมทั้งมีพื้นที่สำหรับแสดงและจำหน่ายงานศิลปะ ในยามค่ำคืนเจเจมาร์เก็ตจะเป็นแหล่งรวมความบันเทิงในรูปแบบผับแอนด์เรสเตอร์รอง JJ Market ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เบอร์โทรศัพท์ 0-5323-1520-5
  • เพลินวาน เป็นแหล่งท่องเที่ยวในหัวหินที่จำลองบรรยากาศร้านรวงต่าง ๆ หลากหลายในอดีตมาไว้ในที่แห่งเดียว บริเวณตกแต่งด้วยป้ายโฆษณาย้อนยุค โปสเตอร์หนังยุคมิตร เพชรา และหน้าหนังสือแฟชั่นที่ทำให้หวลนึกถึงความหลัง มีสถานีจัดรายการเพลงเก่าให้เพลิดเพลินตลอดวัน รวมทั้งสามารถถ่ายรูปแบบย้อนยุคกับฉากหลังภาพวาดสถานีรถไฟหัวหินไว้เป็นที่ระลึก ในวันสุดสัปดาห์มีการจำลองบรรยากาศงานวัด ฉายหนังกลางแปลง ชิงช้าสวรรค์ และเกมการละเล่นต่าง ๆ ที่น่าสนุกสนาน รวมทั้งยังได้อิ่มอร่อยกับอาหารที่ร้านข้าวอุ่น แกงร้อน ตำรับหัวหิน ร้านขายปลาหวานปิ้ง ก๋วยเตี๋ยวหลอด ขนมครก ไอศกรีมแท่ง น้ำมะเน็ด กาแฟโบราณ ฯลฯ เปิดตลาดทุกวัน เวลา 10.00 - 22.00 น. วันศุกร์และเสาร์เปิดถึงเที่ยงคืน ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เบอร์โทรศัพท์ 0-2712-8891, 0-3252-0311-2

ตลาดน้ำ[edit | edit source]

  • ตลาดน้ำอัมพวา เป็นตลาดน้ำ ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรสงคราม ตลาดน้ำอัมพวานับว่าเป็นจุดที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์อีกแห่งหนึ่ง ที่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศให้ความสนใจ การที่ยวตลาดน้ำอัมพวานั้น สามารถทำได้ทั้งยามเช้าและเย็น ซึ่งจะให้บรรยาการที่แตกต่างกัน นักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศนิยมที่จะมาพักค้างคืนแบบโฮมสเตย์ เปิดทำการวัน วันเสาร์ และ วันอาทิตย์
  • ตลาดน้ำอโยธยา เป็นตลาดน้ำใหม่ บนเนื้อที่ 60 ไร่ ถือเป็นตลาดน้ำที่ยิงใหญ่ที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในตลาดบรรยากาศย้อนยุคแบบโบราณ แวดล้อมไป ด้วยธรรมชาติ แบบไทยพื้นบ้านและสายน้ำ จัดแบ่งเป็นโซนๆ ตลาดน้ำอโยธยามีร้านค้ามากถึง 249 ร้าน ประกอบ ด้วยเรือสินค้า ขายอาหาร 50 ลำ ตลาดนัดชุมชนวิถีไทกว่าอีก 40 ร้าน และร้านค้าต่างๆ อีก 159 ร้าน มีสะพานเดิน ริมแม่น้ำเพื่อ เลือกซื้อสินค้าจากกลุ่มชาวบ้านต่างอำเภอ หรือสินค้า OTOP มากมายหลากหลายชนิด เปิดทุกวัน ตั้ง แต่วันจันทร์ - อาทิตย์ เวลา 10.00น. - 21.00น. ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เบอร์โทรศัพท์ 0-3588-1733

ศูนย์การค้า[edit | edit source]

  • เซ็นทรัลเวิลด์ เป็นศูนย์การค้าครบวงจรที่มีพื้นที่รวมใหญ่ที่สุดและเป็นคอมเพล็กซ์แห่งแรกในประเทศไทย มีทั้งสินค้า เสื้อผ้า กระเป๋า หนังสือ อุปกรณ์ต่างๆ และร้านอาหาร นอกจากนี้ยังมีลานแสดงกิจกรรมต่างๆ และโรงแรม ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่เบอร์โทรศัพท์ + 662-264-5555 หรือทางเว็บไซต์ http://www.centralworld.co.th

ห้างสรรพสินค้า[edit | edit source]

  • เทสโก้ โลตัส เป็นห้างสรรพสินค้าที่กระจายในประเทศไทยขนาดใหญ่ มีการจำหน่ายสินค้าหลากหลายประเภท และยังมีพลาซ่าและความบันเทิงต่างๆ หลากหลาย เช่น โรงภาพยนตร์ และพื้นที่พิเศษ เช่น โฮมโปร ในเมืองใหญ่ในประเทศไทย
  • บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เป็นห้างสรรพสินค้าที่กระจายในประเทศไทย สินค้าอุปโภคบริโภค ในรูปแบบร้านไฮเปอร์มาร์ทขนาดใหญ่
  • สยามแม็คโคร เป็นห้างสรรพสินค้าที่กระจายในประเทศไทย จำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคแบบราคาขายส่ง
  • โรบินสัน เป็นห้างสรรพสินค้าที่กระจายในประเทศไทย จำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภค โดยเน้นสินค้าแฟชั่นทันสมัย

ร้านสะดวกซื้อ[edit | edit source]

  • เซเว่น อีเลฟเว่น ในประเทศไทย มีจำนวนสาขาประมาณ 6,300 สาขา ในประเทศไทย โดยคุณสามรถพบเห็น และจับจ่ายซื้อของในร้านสะดวกซื้อนี้ได้

ที่พัก[edit | edit source]

ประเทศไทยมีโรงแรมระดับต่างๆ และที่พักหลากหลายรูปแบบอยู่ทั่วประเทศ ตั้งแต่โรงแรมหรูระดับห้าดาว รีสอร์ตสไตล์ต่างๆ เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ อพาร์ตเมนต์ หอพัก คอนโดมิเนียมให้เช่าทั้งแบบรายวัน รายเดือน และรายปี ไปจนถึงเกสต์เฮาส์ขนาดเล็ก รวมทั้งมีที่พักแบบโฮมสเตย์ และมีอุทยานแห่งชาติหลายแห่งที่มีบริการบ้านพัก จุดกางเต็นท์ และเต็นท์ให้เช่า สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบและต้องการใกล้ชิดธรรมชาติ รวมทั้งผู้ที่นิยมการพักผ่อนในบรรยากาศแบบแค็มปิ้งด้วย

ไปต่อ[edit | edit source]

ไปท่องเที่ยวต่อ

อ้างอิง[edit | edit source]

Commons:Category:Thailand WikiPedia:Thailand